วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2561

นกน้อยในโลกกว้าง

ผมไปหาซื้อนกแก้วทำด้วยเรซินมา 4 ตัว แถวร้านขายโอ่งอ่างกระถางดิน ริม ถ.เพชรเกษมสายเก่า ในตัวเมืองราชบุรี มีให้เลือกหลายร้าน ราคารวม 600 บาท เพื่อเสริมความสวยงาม ตั้งใจให้มีความหมายด้วยครับ

ที่มีนก 4 ตัว คือ นกตัวพ่อ 1 นกตัวแม่ 1 กำลังดูลูก 2 ตัว ที่กำลังกางปีกบิน หมายถึง พ่อแม่ ต้องมีหน้าที่อบรมและสั่งสอนลูกน้อย ให้สามารถบินไปในโลกกว้าง ด้วยความมั่นคงและปลอดภัย

#นกน้อยในโลกกว้าง




























วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Old soldiers never die

เมื่อวานนี้ 20 มิ.ย.2561 ไปเดินตลาดเบิร์ดคลองถม อ.เมือง จ.ราชบุรี อีกแล้ว คราวนี้ได้ป้ายแกะสลักมา 2 ป้าย คนขายมีความรู้ครับ จบออกแบบมา แต่ผมไม่กล้าถามว่า จบมาจากไหน ป้ายอันบน ราคา 800 บาท และป้ายอันล่างราคา 600 บาท  ถามว่าแพงไหม? ในทัศนะผมแล้ว ผมว่ามันไม่แพงหรอกครับ ไม้เนื้อแข็งขนาดนี้กว่าจะแกะตัวอักษรแบบนี้ได้ ต้องใช้ความพยายามสูง แกะด้วยมือนะครับ ไม่ได้ใช้เครื่อง  

ร้านนี้เขารับออกแบบด้วย ไปปรึกษาและสั่งทำกันได้ครับ
สำหรับป้ายวัดอุณหภูมิพื้นไม้ และเป็นที่แขวนของด้านล่างนั้น คนขายแถมมาให้ ฟรี! ครับ (ราคาขาย 100 บาท)



ของแถม ราคาขาย 100 บาท
























วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561

โชว์ตุ๊กตา

ตุ๊กตาเหล่านี้ เก็บของเก่าๆ มารวบรวมไว้ บางตัวก็ซื้อใหม่ เอามาจัดเรียงก็ดูสวยดี เหมือนกัน แต่ต้องหาชั้นวางสักหน่อย ชั้นพลาสติคที่ผมใช้วางนี้ เป็นของเก่า ซื้อมาจากตลาดนัดเบิร์ดคลองถม สองชั้นราคา 50 บาทครับ


กังหันลม

กังหันลมนี้ หาซื้อยากมากครับ ใน จ.ราชบุรี ผมไปมาหลายที่ไม่มีขาย เผอิญขับรถผ่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี  เลยได้ซื้อ ราคาอันละ 480 บาท เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2561 เจ้าของรับประกันว่าทนแดดทนฝนดูตัวอย่างที่หน้าร้านเขา ติดโชว์ไว้ 3 ปีแล้ว สภาพก็ยังดีอยู่เลย





วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เรือนกุหลาบ

บริเวณพิพิธภัณฑ์ เรือนหลังเก่าแก่ที่สุดอายุมากกว่า 100 ปี ผมตั้งชื่อเรือนนี้ว่า "เรือนกุหลาบ" เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ ตาของผม ซึ่งท่านชื่อ กุหลาบ นามสกุล ฉายขจร 



เรือนอินทรฉาย

ที่บริเวณพิพิธภัณฑ์นี้จะมีเรือนหลังกลาง  ผมตั้งชื่อเรือนหลังนี้ว่า "เรือนอินทรฉาย"  เนื่องจาก ตาของผม ชื่อกุหลาบ นามสกุล "ฉายขจร" และยายของผม ชื่อ ขอ นามสกุล "อินทรประสิทธิ์" ผมจึงตั้งชื่อเรือนหลังนี้  โดยเอานามสกุลของตาและยาย มาผสมกัน เพื่อให้คนรุ่นต่อๆ ไป ได้ทราบถึงรากเหง้าที่มาของตระกูล 



ป้ายไม้แกะสลัก

ป้ายไม้แกะสลัก สั่งทำได้ ร้านนี้จะมาที่ตลาดนัดเบิร์ดคลองถม อ.เมือง จ.ราชบุรี  ทุกเย็นวันเสาร์ เป็นคนรุ่นหนุ่มสาวที่น่าสนับสนุน บ้านอยู่ชะอำ ราคาไม่แพงครับ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งตัวอักษรสำเร็จ หรือจะสั่งแบบแกะสลักก็ได้




ของที่ระลึกจากญ๊่ปุ่น

ผมไปเที่ยวญี่ปุ่นมา เมื่อ 14-18 มี.ค.2561 ได้ของที่ระลึกมาจาก เกาะฮอกไกโด ครับ

ราคา 3,800 เยน

























ราคา 4,980 เยน























ราคา 1,728 เยน

ราคา 1,728 เยน

ราคา 1,690 เยน




นาฬิกาชั่งกิโล

นาฬิกาเก่า ชั่งกิโลขายครับ บางเรือนก็ใช้ได้ บางเรือนก็ใช้ไม่ได้ ต้องเสี่ยงเอา แต่จริงๆ แล้วก็แค่ซื้อมาโชว์เท่านั้น ไม่ได้คิดว่ามันต้องใช้ได้ ซื้อมา 5 กิโลกรัม ราคา 600 บาท จากตลาดนัดเบิร์ดคลองถม อ.เมือง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2561




เครื่องเล่นแผ่นเสียง

ขอบคุณ เรือโท กิตติศักดิ์ จันเพิ้ง (หมวดต่าย)  ที่เคยปฏิบัติงานเกี่ยวกับทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม ด้วยกัน ได้บริจาคเครื่องเล่นแผ่นเสียงให้พิพิธภัณฑ์สี่ผู้เฒ่า  เพื่อจัดแสดงให้คนรุ่นหลังศึกษาเรียนรู้ต่อไป เมื่อ 13 ก.พ.2561





เตารีดโบราณ

เตารีดทองเหลืองหัวไก่ ได้มาจากตลาดเบิร์ดคลองถม  จ.ราชบุรี ขัดสีฉวีวรรณหน่อยก็แลดูสวยงาม ได้มาเมื่อวันที่ 23 พ.ค.2561 ราคา 990 บาท ครับ





เครื่องเล่นแผ่นเสียง

เพื่อนกบ (สมศักดิ์  เลี้ยงรัตนานนท์) เพื่อนโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี บริจาคเครื่องเล่นแผ่นเสียง จำนวน 2 เครื่อง เมื่อ 14 มิ.ย.2561


วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2561

มาจัดบ้านกันเถอะ ตอนที่ 2 สิ่งของที่สมควรทิ้ง

ต่อจาก มาจัดบ้านกันเถอะ ตอนที่ 1

หลังจากลองแบ่งกลุ่มสิ่งของเรียบร้อยตามข้อแนะนำในตอนที่ 1 แล้ว สิ่งที่ต้องคิดตามมาก็คือ วิธีจัดการกับมัน โดยเริ่มจากสิ่งของกลุ่มแรกก่อน คือ สิ่งของที่สมควรทิ้ง  โดยสิ่งของกลุ่มนี้ใช้ข้อพิจารณาในการคัดแยก ตามกฏเกณฑ์ที่ผมตั้งไว้  ดังนี้  




อะไร? คือ สิ่งของที่ไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวอะไรเลย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต 
เรื่องนี้ มันยากมากที่จะเขียนออกมาให้ชัดเจน เพราะแต่ละคนก็จะมีเรื่องราว และวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างของผม เช่น ใบเสร็จค่าน้ำประปา ใบเสร็จค่าไฟฟ้า ใบแจ้งบัตรเครดิต ใบชำระหนี้สินต่างๆ ที่จ่ายไปแล้ว สลิปธนาคาร พวกนี้ถือว่า มันได้ทำหน้าที่ของมันสมบูรณ์แล้ว เมื่อเราจ่ายเงินเรียบร้อย ก็ถือว่าหมดประโยชน์ ทิ้งไปได้เลย  

อะไร? คือ สิ่งของที่ไม่ใช้ประโยชน์แล้ว
หมายถึง สิ่งของที่ครั้งหนึ่ง  เคยมีมีประโยชน์ต่อเรา แต่มาถึงปัจจุบัน เราไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว เช่น รองเท้า ถุงเท้า เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย สมัยตอนเราเด็กๆ ซึ่งคับไปหมดแล้วใส่ไม่ได้ เป็นต้น  

อะไร ? เป็นสิ่งของที่ชำรุดไม่สามารถซ่อมแซม หรือปรับปรุงให้คืนสภาพได้
อันนี้ชัดเจน เช่น โทรทัศน์ วิทยุ เครื่องเล่นเทป เครื่องเล่นซีดี เครื่องพิมพ์ดีด กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ จอคอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้น ฯลฯ ซึ่งชำรุด หรือฉีกขาดแล้ว พวกนี้เก็บเอาไว้รังแต่จะเป็นขยะ 

ส่วนสิ่งของที่เราไม่ชอบ เมื่อเห็นมันทีไร จะรู้สึกไม่สบายใจ และสิ่งของนี้ไม่สมควรที่จะนำไปให้ใครทั้งสิ้น  อันนี้ ทิ้งถังขยะไปเลยครับ โดยไม่ต้องสนใจ  เก็บเอาไว้ก็รังแต่ไม่สบายใจ

ที่กล่าวมานี้ ล้วนทิ้งได้หมดเลย ครับ อย่าเสียดาย  

แต่หากบางคนที่ชอบเก็บสะสม อาจจะไม่ทิ้งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเชื่อผม อยากจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรือของสะสมก็ทำได้ หากที่บ้านยังมีพื้นที่ว่างเพียงพอ ส่วนจะเก็บรักษาอย่างไรนั้น เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อไป...  

อ่านต่อ มาจัดบ้านกันเถอะ ตอนที่ 3

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561

มาจัดบ้านกันเถอะ ตอนที่ 1 เริ่มลงมือทำ

บ้านที่ผมอยู่ปัจจุบัน เรียกว่า " บ้านท่าเสา"  ตั้งอยู่ บริเวณ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี อยู่ห่างจากแม่น้ำแม่กลองไม่ถึง 100 เมตร ลักษณะเป็นบ้านไม้ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่น "พ่อของตา" หรือ อาจก่อนนั้น หากนับอายุบ้านถึงเวลานี้ ต้องมีถึง 100 กว่าปี ตัวบ้านมีการปรับปรุง ต่อเติม และซ่อมแซม ในแต่ละรุ่น แต่ละสมัย มาตามลำดับ เมื่อก่อนเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง เพราะน้ำจะท่วมเป็นประจำทุกปี จากอิทธิพลของน้ำในแม่น้ำแม่กลองที่เอ่อสูงขึ้น พอมีเขื่อนที่เมืองกาญน์ฯ แล้ว น้ำจึงไม่ค่อยท่วม ยกเว้นบางปี มีน้ำมากจนเขื่อนรับไม่ไหวก็ท่วมเช่นกัน แต่นานๆ ครั้ง



กาลเวลาลุล่วงมาถึงสมัยผม   ปัจจุบัน ผมได้เทปูนกั้นห้องใต้ถุน ทำเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ใต้ถุนจึงกลายเป็นชั้นที่ 1 ตอนนี้จึงเรียกได้ว่าเป็น "บ้าน 2 ชั้น" แล้ว แน่นอนครับ! บ้านที่มีประวัติยาวนานเช่นนี้ จึงมีข้าวของเครื่องใช้มากมายที่สะสมกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ จนถึงสมัยปัจจุบัน มีทั้งที่ยังดีอยู่  มีทั้งที่ชำรุด และบางอย่างก็หายสาบสูญไป โดยไม่รู้ว่าใครเอาไป  

ผมตั้งใจที่จัดระเบียบข้าวของเครื่องใช้ที่รกรุงรัง จำนวนมากเหล่านี้ ให้มันแลดูเป็นระเบียบ แต่ก็ไม่ได้จังหวะเสียที ข้ออ้างที่ผมใช้เป็นประจำ คือ ไม่ค่อยมีเวลา  ยิ่งนานวันเข้า ฝุ่นก็เริ่มจับ ปลวก หนู ก็เริ่มรุมแทะแกะกิน ยิ่งพอมีแมวมาอาละวาด ก็ปัสสาวะ อุจจาระ ราดรดสิ่งของเหล่านี้ ทำให้มีกลิ่นซึ่งไม่น่าโสภาเอาเสียเลย  ทั้งรก ทั้งเหม็น ฝุ่น และหยักไย่เกาะเต็มไปหมด  

ผมเคยตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะจัดระเบียบบ้านอย่างเอาจริงเอาจังเสียที แต่ก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง เพราะเมื่อเห็นข้าวของจำนวนมากที่หมักหมมกันอยู่  ก็เกิดอาการท้อแท้เสียก่อน ล้มเลิกความตั้งใจเสียทุกครั้งไป

ตัดสินใจเริ่มต้น
นานวันเข้า ข้าวของเครื่องใช้ที่มีอยู่แต่เดิม รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่ได้ซื้อได้หามาใหม่ ยิ่งทวีความรกรุงรังขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะพวกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย  ที่บ้านผมต้องซื้อตู้เสื้อผ้าใหม่อยู่เป็นประจำ เพราะไม่มีที่เก็บ ปัจจุบันบ้านผมมีตู้เสื้อผ้า ถึง 13 ใบ และยังมีแขวนอยู่ตามราวด้านนอกอีกไม่ต่ำกว่า 10  ราว เรื่องเสื้อผ้านี่นับเป็นปัญหาสำคัญ จนกระทั่งทุกวันนี้ ผมก็ยังหาวิธีจัดการกับเสื้อผ้าเหล่านี้ไม่ได้เลย ยังคงเต็มบ้านไปหมด  

สร้างแรงบันดาลใจ 
ผมคิดว่า "เมื่อไหร่ ผมจะเริ่มจัดระเบียบบ้านอย่างจริงจังเสียที" หากไม่เริ่ม ข้าวของต่างๆ ที่กองอยู่ มันส่งผลให้พื้นที่ใช้สอยในบ้านของเราลดน้อยลงทุกวัน บางครั้ง แม้แต่ในห้องนอน ยังต้องแหวกทางเดินเข้าไปยังที่นอน เพราะมันเต็มไปด้วยข้าวของที่วางระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด           

ผมได้มีโอกาสไปทำงานในหลายจังหวัด จึงมีโอกาสได้ไปพักโรงแรม รีสอร์ท หรือเยี่ยมชมสถานที่สวยๆ พบกับร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่ตกแต่งหลากหลายสไตล์  สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของผมที่อยากจะจัดบ้านของเรา ให้สวยเหมือนที่ผมได้เห็น 



แรงบันดาลใจอีกประการหนึ่งก็คือ หนังสือชื่อ "ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว" (The life-changing magic of tidying up) เป็นหนังสือแปลเขียนโดย "คนโด มาริเอะ"  ชาวญี่ปุ่นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดบ้านอันดับหนึ่งของโลก เป็นหนังสือเกี่ยวกับเคล็ดลับการจัดบ้านที่ได้รับการแปลหลายภาษา เนื้อหาที่สำคัญคือการจัดบ้านแบบที่เรียกว่า "คมมาริ" จึงอยากจะลองใช้แนวทางดังกล่าวจัดบ้านดู 

หนังสือ ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว
ลงมือทำ
ผมตัดสินใจตัดกิจธุระที่ไม่สำคัญออกไป แบ่งเวลามาจัดบ้าน และเริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง เมื่อประมาณปี พ.ศ.2556 โดยเริ่มต้นจากพื้นที่เล็กๆ ก่อน ผมเอาข้าวของทุกชิ้นที่หมกอยู่ออกมา แล้ววางกระจายไว้บนพื้นที่โล่งๆ ให้เห็นได้เด่นชัด หลังจากนั้น จึงเริ่มพิจารณาดูของแต่ละชิ้น แล้วพยายามจัดกลุ่มสิ่งของใหม่ โดยแยกเป็น 
  • กลุ่มที่หนึ่ง สิ่งของที่สมควรทิ้ง
  • กลุ่มที่สอง สิ่งของที่สมควรเก็บไว้ 
  • กลุ่มที่สาม สิ่งของที่สมควรให้คนอื่นหรือบริจาคไป
  • กลุ่มที่สี่ สิ่งของที่รอการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร
การจัดกลุ่มสิ่งของที่กล่าวมานี้แหละครับ เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด เนื่องจากตัวเราเกิดความลังเลใจ และบางครั้งมันก็ไม่ใช่สิ่งของของเราเสียคนเดียว แต่มันเป็นของบรรพบุรษบ้าง เป็นของภรรยาบ้าง เป็นของลูกบ้าง มันยากนักที่จะตัดสินใจว่า อะไรจะอยู่ในกลุ่มไหน 


นำสิ่งของออกมาวางให้เห็นเด่นชัด
ผมพยายามหาหลักคิดว่า "จะใช้กฏเกณฑ์อะไร มาแยกกลุ่มสิ่งของเหล่านี้"  หลังจากที่ลองผิดลองถูกอยู่นาน ผมก็พอที่จะประมวลหลักคิดที่ผมใช้ได้ ดังนี้ 
สิ่งของที่สมควรทิ้ง 
  • เป็นสิ่งของที่ไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวอะไรเลย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
  • เป็นสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว   
  • เป็นสิ่งของที่ชำรุดไม่สามารถซ่อมแซม หรือปรับปรุงให้คืนสภาพได้ เก็บเอาไว้รังแต่จะเป็นขยะ
  • เป็นสิ่งของที่เราไม่ชอบ เมื่อเห็นมันทีไร จะรู้สึกไม่สบายใจ และสิ่งของนี้ไม่สมควรที่จะนำไปให้ใครทั้งสิ้น  
สิ่งของที่สมควรเก็บไว้  
  • เป็นสิ่งของที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน และจะมีประโยชน์กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต หากเราเก็บรักษาไว้  
  • เป็นสิ่งของที่เรายังคงใช้ประโยชน์อยู่ในชีวิตประจำวัน 
  • เป็นสิ่งของที่มีมูลค่าต่อจิตใจของตนเอง ซึ่งอาจเป็นอะไรก็ได้  เช่น ไดอารี่ สมุดบันทึก ภาพถ่ายเก่าๆ  ของที่ระลึก การ์ดอวยพร ของขวัญ จดหมายเก่าๆ  เป็นต้น 
สิ่งของที่สมควรให้คนอื่นหรือบริจาคไป
  • เป็นสิ่งของที่ยังคงใช้ประโยชน์ได้ดี แต่เราไม่ได้ใช้หรือหมดความจำเป็นแล้ว หากมันอยู่กับผู้อื่นน่าจะมีประโยชน์มากกว่า สิ่งของเหล่านี้ที่เห็นได้ชัด คือ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย 
  • เป็นสิ่งของที่เราไม่ชอบ เมื่อเห็นมันทีไร จะรู้สึกไม่สบายใจ  แต่น่าจะมีประโยชน์ต่อคนอื่น   
สิ่งของที่รอการตัดสินใจ
  • เป็นสิ่งของที่เราเองก็ยังไม่แน่ใจว่า จะทิ้ง จะเก็บ หรือจะบริจาคดี 
  • เป็นสิ่งของที่ไม่ได้เป็นของเรา ซึ่งต้องรอถามเจ้าของก่อนว่า จะจัดสิ่งของเหล่านี้อยู่ในกลุ่มใด คือ สมควรทิ้ง สมควรเก็บไว้ หรือสมควรที่จะบริจาค 
เมื่อเราแยกกลุ่มสิ่งของได้แล้ว ขั้นต่อไปก็คือ หาวิธีจัดการกับมัน เช่น  สิ่งของที่สมควรเก็บ เราจะเก็บไว้ที่ไหน สิ่งของที่สมควรให้คนอื่นหรือบริจาค จะบริจาคให้ใคร ใครบ้างที่เขาอยากได้ อย่าไปบริจาคให้คนที่เขาไม่อยากได้ อย่างนี้มันจะกลายเป็นภาระของเขาอีก ส่วนสิ่งของที่สมควรทิ้ง แยกให้ดีว่า สิ่งของใดสามารถนำไปขายยังร้านรับซื้อของเก่าได้ หรือว่าจะโยนทิ้งลงถังขยะไปเลย เป็นต้น


**************************