เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์


พิพิธภัณฑ์บ้านสี่ผู้เฒ่า
*********************************************

"ที่นี่..สร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของผมเอง
สิ่งของที่เห็นอยู่นี้ล้วนบอกเรื่องราวแต่หนหลัง
ของบรรพบุรุษ ตัวเรา และวงศาคณาญาติ ได้ไม่รู้จบ

หวังว่าผู้ที่พบเห็น จะหันมาเก็บสิ่งของใกล้ตัวบ้าง ดีกว่าจะทิ้งมันไปเป็นขยะ..

พันเอก ดร.สุชาต จันทรวงศ์
10 มี.ค.2559

***************************************
ความเป็นมา
พิพิธภัณฑ์สี่ผู้เฒ่าเป็น "พิพิธภัณฑ์แบบครัวเรือน" โดยผมพยายามที่จะเก็บรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีอยู่ภายในบ้าน ตั้งแต่ สมัยครั้งบรรพบุรษจนกระทั่งถึงคนรุ่นปัจจุบัน นำมาจัดแสดงไว้ในบ้าน มุ่งหวังให้คนในครอบครัวให้เห็นและระลึกถึง สิ่งของที่จัดแสดงนี้ เป็นสิ่งของที่ไม่มีราคามากนักแต่มันเป็นสิ่งของที่มีค่าทางจิตใจ เริ่มตั้งแต่เกิด เรียนหนังสือ ทำงาน จนกระทั่งตาย สิ่งของเหล่านี้เป็นของทุกๆ คนที่เคยอาศัยอยู่ ณ บ้านหลังนี้ 


ที่มาของชื่อ พิพิธภัณฑ์บ้านสี่ผู้เฒ่า คือ บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่าแก่ ซึ่งตกทอดมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรษจนถึงสมัยปัจจุบัน นับได้ 100 กว่าปีแล้ว โดยมีการซ่อมแซม ปรับปรุง และต่อเติมมาโดยตลอด คำว่า  "สี่ผู้เฒ่า" มาจาก พี่น้องสี่คน ซึ่งเป็นบุตรของ นายกุหลาบ ฉายขจร และนางขอ (สกุลเดิม อินทรประสิทธิ์) ซึ่งเกิดอยู่อาศัยมาตั้งแต่เล็ก คือ

  1. นางสุพร (ชื่อเดิม กิมแช) จันทรวงศ์ (สกุลเดิม ฉายขจร) 
  2. ร้อยตรีทวี (ทุ่น) ฉายขจร 
  3. นายทศ ฉายขจร 
  4. นางทองเขียว เจียมจำรัส (สกุลเดิม ฉายขจร)  
นางสุพร เป็นพี่สาวคนโต ซึ่งเป็นแม่ของผมเอง แต่งานกับพ่อของผม คือ นายสละ จันทรวงศ์ ปัจจุบัน ทั้งสี่ท่าน ได้เสียชีวิตหมดแล้ว ผมจึงได้ตั้งชื่อพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ว่า   "พิพิธภัณฑ์สี่ผู้เฒ่า" ไว้เป็นที่รำลึกถึง



ภายในพิพิธภัณฑ์
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ อย่างหลากหลาย และจัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ อัน ได้แก่ 
  • ห้องชยบุรีมงคล เป็นห้องพระบูชาและเก็บพระเครื่องต่างๆ ห้องนี้มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรษ แต่เดิมห้องนี้ จะมีโกฎิไม้ บรรจุกระดูกของบรรพบุรษ ปู่ย่าตาทวดไว้เป็นจำนวนมาก นับเป็นสิบโกฎิ  ผมรู้สึกกลัวทุกครั้ง เมื่อแม่ใช้เข้าไปหยิบของในห้อง แต่ตอนนี้ เอากระดูกไปไว้ที่ที่ฐานพระภายในพระปรางค์วัดมหาธาตุวรวิหาร หมดแล้ว คงเหลือแต่พระบูชา  คำว่า ชยบุรีมลคล มาจากคำว่า ชยบุรี ซึ่งเป็นชื่อเก่าของเมืองราชบุรี และภายในห้องนี้มี พระมงคลบุรี (พระประจำเมืองราชบุรี)  ซึ่งเช่ามาบูชาเป็นพระประธาน ผมจึงตั้งชื่อห้องนี้ว่า "ห้องชยบุรีมงคล" 
  • เรือนกุหลาบ เป็นเรือนหลังแรกของบ้าน ตั้งขึ้นตามชื่อของ นายกุหลาบ ฉายขจร ซึ่งพ่อของสี่ผู้เฒ่า (สุพร ทุ่น ทศ และทองเขียว) มีศักดิ์เป็นตาของผมเอง 
  • เรือนอินทรฉาย เป็นเรือนหลังกลาง โดยนำนามสกุล "อินทรประสิทธิ์" ซึ่งเป็นของ นางขอ (ยายผมเอง แต่ผมไม่เคยเห็นท่านพราะท่านเสียชีวิตตั้งแต่แม่ผมยังเล็ก)  มาผสมคำนามสกุล "ฉายขจร" ซึ่งเป็นนามสกุลของ นายหลาบ (ตาของผมเอง) 
  • ห้องหอ เป็นห้องที่ผมเคยใช้เป็นห้องนอน นางสุพรฯ แม่ของผม เพิ่งมาปรับปรุงให้ใหม่ตอนผมโตแล้ว และพอผมแต่งงาน ก็ใช้ห้องนี้เป็นห้องส่งตัวและห้องนอนกับภรรยา  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ปัจจุบันผมย้ายห้องนอนมาอยู่ชั้นล่างแล้ว และห้องนี้จัดทำไว้เป็นห้องนอนสำหรับญาติหรือแขกที่มาเยี่ยมบ้าน ผมตั้งชื่อห้องนี้ว่า "ห้องหอ" เป็นเป็นที่รำลึกถึงตัวผมและภรรยา นั่นเอง     
  • ห้องตุ๊กตา อยู่เรือนชั้นบน แต่เดิมเป็นห้องนอนของ อ.วีระ ฉายขจร พอท่านแต่งงานไปก็ไปปลูกบ้านใหม่ ห้องนี้จึงถูกทิ้งไว้ไม่มีใครนอน กลายเป็นห้องเก็บของไปแทน จนกระทั่ง ผมมาปรับปรุงติดแอร์ใหม่ แล้วใช้เป็นห้องเก็บกตุ๊กตา ที่เก็บอยู่ในบ้านตั้งแต่สมัยพ่อและแม่ ตัวผมเอง ของภรรยา และลูกๆ มาเก็บไว้ในห้องนี้  
  • ห้องกระเป๋า เป็นห้องที่รวบรวมกระเป๋า ตั้งแต่กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย กระเป๋านักเรียน ฯลฯ ไปจนถึงกระเป๋าเดินทาง ที่ได้เคยใช้งานภายในครอบครัวมาแล้ว และที่ยังเป็นของใหม่ ถูกรวบรวมไว้ที่ห้องนี้  
  • ห้องอัมพวา อยู่บริเวณชั้นล่าง เป็นห้องเอนกประสงค์สำหรับพักผ่อน ดูหนัง ฟังเพลง และใช้รับแขกเป็นบางครั้ง มีการตกแต่งภายในด้วยโมเดลพวกเหล่าฮีโร่ต่างๆ จากภาพยนตร์ต่างประเทศ จำนวนมากมาย และยังเป็นที่เก็บ CD, DVD และหนังสืออ่านเล่นยามว่าง อีกด้วย เหตุตั้งชื่อว่าห้องอัมพวา เพื่อเป็นเกียรติแด่ภรรยาของผม  ซึ่งเกิดที่ ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สุมรสงคราม   
  • ลานจันทร์ฉาย เป็นลานชั้นล่างไว้นั่งเล่น กินข้าว และทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันภายในครอบครัว  พื้นลานมีการยกระดับจากพื้นดินเพื่อป้องกันน้ำท่วม พื้นปูด้วยหินแกรนิต เหตุที่น้ำท่วมบริเวณชั้นล่างเพราะบ้านของผมเป็นบ้านเก่าแก่ เพื่อนบ้านที่ปลูกบ้านใหม่โดยรอบ ล้วนยกพื้นขึ้นสูงกันหมด ดังนั้น เวลาฝนตกหนักน้ำจะไหลมารวมกันที่บ้านของผม หากฝนตกลงหนักมากจริงๆ พื้นชั้นล่างนี้ จะระบายน้ำไม่ทัน น้ำท่วมขังสูงถึงประมาณ 30 ซม. ชื่อ ลานจันทร์ฉาย เป็นการนำชื่อแรกของนามสกุล "จันทรวงศ์" และ "ฉายขจร" มาผสมกัน  
  • ระเบียงกิมแช เป็นระเบียงบนชั้น 2 ที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ จัดเป็นห้องแสดงแกลลอรี่ต่างๆ ตั้งชื่อว่า "กิมแช"  ซึ่งเป็นชื่อเก่าของแม่ผม ไว้เป็นที่ระลึก 
  • ครัวครูซิ้ม ครัวแห่งนี้ ปรับปรุงขึ้นหลังจากที่ผมและภรรยาแต่งงานกันแล้ว อยู่บริเวณชั้นล่างของบ้าน ที่ตั้งชื่อว่า ครัวครูซิ้ม เพราะภรรยาผมเป็นคนชอบทำอาหาร ทำอาหารอร่อย ผมและลูกๆ จึงพร้อมใจกันตั้งชื่อครัวแห่งนี้ว่า ครัวครูซื้ม ซึ่งคำว่า "ซิ้ม" เป็นชื่อเล่นของภรรยาผม      

*******************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น